วัตถุดิบที่ใช้ในอาหารสัตว์น้ำสำเร็จรูป
|
|
1.วัตถุดิบที่ใช้เป็นแหล่งโปรตีน วัตถุดิบต้องมีโปรตีนมากกว่า 20% สามารถแบ่ง ออกได้ 2 แหล่งใหญ่ๆ 2 แหล่งคือ
|
1.1
|
แหล่งโปรตีนจากสัตว์ ได้แก่ ปลาป่น ปลาสด เลือดป่น ขนไก่ป่น เนื้อกระดูกป่น กุ้งป่น เศษไก่ป่น ไส้ไก่ หัวไก่ ปูป่น ผลิตภัณฑ์จากนม ฯลฯ
|
1.2
|
แหล่งโปรตีนจากพืช ได้แก่ กากถั่วเหลือง กากถั่วลิสง กากเมล็ดฝ้าย กากมะพร้าวอัด กากงา กากองุ่น ใบกระถินป่น โปรตีนสกัดเข้มข้นจากข้าวโพด และจากข้าวสาลี ฯลฯ
|
|
|
วัตถุดิบ |
ความชื้น |
โปรตีน |
ไขมัน |
กาก |
NEF# |
เถ้า |
ข้อสังเกต |
ปลาป่น |
9.7 |
55.0 |
6.0 |
2.4 |
3.3 |
24.6 |
เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี |
ปลาสด |
67.5 |
18.0 |
1.3 |
- |
- |
1.5 |
เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี แต่มีเอนไซม์ไทอามิเนส |
ดักแด้ไหม |
4.7 |
56.8 |
31.3 |
3.9 |
6.4 |
5.2 |
โปรตีนคุณภาพดีพอควร มีไขมันและสารไคตินสูง |
เนื้อหอยเชอรี่ |
78.0 |
11.3 |
0.6 |
- |
- |
4.4 |
มีเถ้าสูงอาจมีพยาธิ จึงควรต้มและทำให้แห้ง |
หัวและเปลือกกุ้งป่น |
10.0 |
40.6 |
2.6 |
14.2 |
2.6 |
30.0 |
มีแร่ธาตุ เถ้า สารไคติน ไคลินสูง แต่งกลิ่นอาหารดี |
เศษไก่ป่น |
6.5 |
57.5 |
15.0 |
2.3 |
3.1 |
15.6 |
มีไขมันสูง หืนง่าย |
ไส้ไก่สด |
73.7 |
13.9 |
11.2 |
- |
- |
1.2 |
มีไขมันสูง หืนง่าย |
หัวไก่สด |
38.8 |
26.9 |
26.4 |
0.3 |
- |
7.6 |
มีไขมันสูงมาก หืนง่าย |
กากถั่วเหลือง |
11.8 |
46.9 |
1.3 |
6.5 |
25.1 |
8.4 |
แหล่งโปรตีนจากพืช แต่มีเมทไธโอนีน ไลชีนต่ำ |
กากถั่วลิสง |
7.0 |
48.0 |
5.8 |
7.0 |
27.1 |
5.1 |
มีเมทไธโอนีน แคลเซียม ต่ำอาจมีพิษจากรา |
กากเมล็ดฝ้าย |
9.8 |
41.7 |
1.5 |
11.3 |
28.8 |
6.9 |
มีสารพิษกอสสิปอล |
กากมะพร้าวอัด |
8.5 |
20.8 |
6.3 |
12.0 |
45.4 |
7.0 |
มีเมทไธโอนีนและไลซินต่ำ อาจมีพิษจากรา |
กากเมล็ดงา |
8. |
40.4 |
10.6 |
6.4 |
24.2 |
10.4 |
มีเมทไธโอนีน แคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ไลชินต่ำ |
***ใบกระถิน*** |
10.0 |
23.9 |
2.9 |
9.4 |
49.5 |
3.2 |
มีสารพวกแอลคาลอย ซึ่งยับยั้งการเจริญเติบโต |
ใบหม่อนสี |
8.8 |
22.2 |
4.8 |
12.7 |
46.9 |
15.5 |
-
|
|
NFE# = คาร์โบไฮเดตรที่ละลายน้ำ
|
|
2.วัตถุดิบที่ใช้เป็นแหล่งพลังงาน วัตถุดิบประเภทนี้มีโปรตีนต่ำกว่า 20% แต่มีคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งสูง ได้แก่ เมล็ด และผลิตภัณฑ์ของเมล็ดธัญพืช เช่นข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี ข้าวโอ้ตและรำ ของเมล็ดธัญพืช โปรตีนของวัตถุดิบเหล่านี้มีค่าระหว่าง 8-12% มีแป้ง ในปริมาณสูง ถึง 60-80% และไขมันมีค่าระหว่าง 1-8%
|
ข้อพึงสังเกต วัตถุดิบประเภทนี้ที่น่าสนใจคือ มีคุณสมบัติเป็นตัวประสานอาหารเข้าด้วยกันหรือใช้เป็นสารเหนียว
|
|
วัตถุดิบ |
ความชื้น |
โปรตีน |
ไขมัน |
กาก |
NEF# |
เถ้า |
ข้อสังเกต |
ปลายข้าว |
11.6 |
7.1 |
1.4 |
0.5 |
75.2 |
4.2 |
- |
รำละเอียด |
10.0 |
12.2 |
11.8 |
12.3 |
40.6 |
13.1 |
มีวิตามินบี 1 และไนอาซีนสูง |
ข้าวโพด |
11.2 |
9.4 |
0.2 |
0.8 |
77.2 |
1.2 |
มีวิตามินเอ (แคโรตีน) และกรดลิโนเลอิคสูง |
รำข้าวสาลี |
12.1 |
14.7 |
4.0 |
9.9 |
53.5 |
5.8 |
- |
ข้าวฟ่าง |
11.2 |
10.6 |
3.0 |
1.9 |
71.4 |
1.9 |
บางพันธุ์มีสารแทนนินสูง มีแคลเซียมต่ำ |
มันสำปะหลัง |
13.5 |
2.2 |
0.5 |
3.0 |
75.8 |
5.0 |
มีสารพิษจำพวกกรดไฮโดรไซยานิค |
กากเมล็ดปาล์ม |
8.9 |
14.0 |
2.6 |
17.4 |
- |
3.8 |
มีกากสูง |
หญ้าขน |
7.1 |
12.2 |
1.1 |
27.7 |
67.9 |
11.6 |
มีกากสูง |
|
NFE# = คาร์โบไฮเดตรที่ละลายน้ำ
|
|
3.วัตถุดิบจำพวกวิตามินและแร่ธาตุ วิตามินและแร่ธาตุที่ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารมักอยู่ในรูปสารประกอบเคมีและเนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในปริมาณ น้อยมากในสูตรอาหาร จึงทำให้เกิดปัญหา ในการผสมให้ทั่วถึงในทุกๆ ส่วน ดังนั้นจึงไม่นิยมผสมวิตามิน และแร่ธาตุ ในตัว อาหารโดยตรง จึงมักถูกผสมไว้ก่อนล่วงหน้ากับสื่อบางชนิด เช่น กากถั่วเหลือง รำ แกลบบด หรือหินปูน แล้วเรียกสารผสมเหล่า นี้ว่า "สารผสมล่วงหน้า(พรีมิกซ์) บางครั้งอาจเรียกว่า "อาหารเสริม"
|
|
4.วัตถุดิบจำพวกไขมัน หรือน้ำมัน เป็นวัตถุดิบที่ให้พลังงาน กรดไขมันที่จำเป็น วิตามินที่ละลายในไขมัน และบางครั้งใช้เป็นสารแต่งกลิ่นอาหารเพื่อ กระตุ้นให้สัตว์น้ำกลิ่นอาหารได้มากขึ้น น้ำมันที่ใช้ผสมอาหารสัตว์น้ำแบ่งเป็น 2 พวกใหญ่ๆคือ
|
|
น้ำมันจากสัตว์ ได้แก่ น้ำมันปลา น้ำมันปลาหมึก น้ำมันหมู
|
|
น้ำมันจากพืช ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันเมล็ดทานตะวัน ฯลฯ
|
|
|
5.วัตถุดิบจำพวกเสริมคุณภาพของอาหาร วัตถุดิบจำพวกนี้ใช้ผสมอาหารเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่เพิ่มคุณค่า ทางโภชนา การของอาหาร ถึงแม้ว่าบางครั้ง ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเสริมคุณภาพแต่ตัวมันเองจะมีคุณภาพอาหารอยู่ด้วย วัตถุดิบจำพวกนี้แบ่งออก ได้ 3 ประเภทดังนี้
|
5.1
|
สารเหนียวหรือบายเดอร์หรือสารประสานอาหาร เป็นสารที่ช่วยทำให้อาหารมีความคงทนในน้ำได้นาน การใช้สารเหนียวมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในการทำอาหารสำหรับสัตว์น้ำที่กินอาหารช้าๆ เช่น กุ้ง สารเหนียว สามารถแบ่งออกได้ 3 ชนิดใหญ่ๆ คือเป็นสารพวกโปรตีน สารพวก คาร์โบไฮเดรต และสารสังเคราะห์ หรือ สารธรรมชาติที่ไม่มีคุณค่าทางอาหาร
|
|
สารเหนียวพวกโปรตีน (% ที่ใช้) |
สารเหนียวพวกคาร์โบไฮเดรต (% ที่ใช้) |
สารเหนียวจากการสังเคราะห์หรือสารธรรมชาติ (%ที่ใช้) |
โปรตีนข้นหรือกลูเต้น (3-10%)
|
ไลอะเจล (3-12%)
|
บาสฟิน (1%)
|
เจลลาติน (2-5%)
|
แป้งข้าวโพด (30%)
|
ลิกโนชัลโฟเนต (3%)
|
โปรตีนละลายจากปลา (2-8%)
|
ข้าวสาลี (20%)
|
ชี เอ็ม ชี (5%)
|
ไข่ขาว (5-10%)
|
ข้าวเจ้า (20-30%)
|
เบนโทไนท์ (3%)
|
คลอลาเจน (1%)
|
แป้งสุก (10%)
|
อะควาบายด์ (2%)
|
|
กล้วย (10%)
|
อะควาบายด์ (2%)
|
|
รำถั่วเขียว (25%)
|
คาราจีแนน (5%)
|
|
|
|
สารแต่งกลิ่นอาหาร เป็นสารช่วยเพิ่มกลิ่นและรสของอาหารให้มีความน่ากินมากขึ้น กลิ่นในอาหารที่สัตว์น้ำ ชอบมักเป็นกลิ่นที่มีในอาหาร ตามธรรมชาติของมัน เช่น อาหารปลาที่กินเนื้อเป็น อาหารจะชอบกลิ่นของเนื้อกุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก ฯลฯ ซึ่งกลิ่นเหล่านี้ สามารถ หาได้จากเศษชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปแล้วของสัตว์ต่างๆ ดังกล่าว เช่น น้ำมันปลา น้ำมันปลาหมึก หัวและเปลือกกุ้งป่น เศษปลาหมึกป่น ตับวัวป่น ฯลฯ
|
|
สารกันหืนและรา ความหืนของอาหารเกิดขึ้นจากไขมันในอาหารเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี และการที่อาหารขึ้นราก็เพราะอาหารนั้นมีความชื้นสูงเกิน 12 % ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้คุณค่าของอาหารเสียไป ในการทำอาหาร จึงมักเติม สารเคมีเพื่อกันหืนในอาหารนั้นด้วย บี เอช ที และบี เอช เอ ซึ่งใช้ในปริมาณ 0.2 % ส่วนสารกันราที่ใช้กันมาก ได้แก่ กรดโพพิโอนิก ซึ่งใช้ในปริมาณ 0.3 %
|
|
ที่มา : http://www.fisheries.go.th/if-inland_feed/distribute/rawmat.htm